ปิดตำนาน สวนนกจูร่ง สวนนกชื่อดังในประเทศสิงคโปร์ประกาศ ปิด 3 มกราคม หลังเปิดให้บริการมานานกว่า 50 ปี เพื่อเตรียมตัวย้ายไปยังที่ใหม่ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม สำนักข่าว เดอะสเตรทไทมส์ รายงานว่า สวนนกจูร่ง สวนนกชื่อดังในประเทศสิงคโปร์จะปิดทำการในวันที่ 3 มกราคม 2566 ซึ่งถือวันครบรอบ 52 ปีที่สวนนกจูร่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
ทางผู้ดูแลสวนนกจูร่งได้กล่าวว่าการปิดสวนนกจูร่งในครั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมตัวในการย้ายพนักงานและนกจำนวนกว่า 3,500 ตัวไปยัง
เขตอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่ามันได ก่อนจะนำไปรวมกับสวนสัตว์สิงคโปร์ และ ไนท์ซาฟารี นับตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน จนไปถึงวันสุดท้ายที่ทางสวนนกจูร่งเปิดทำการ ทางสวนนกจะจัดกิจกรรมต่างๆ และร่วมรำลึกถึงประวัติศาสตร์ของสวนนกจูร่ง
รองประธานสวนนกจูร่ง ที่เริ่มทำงานกับสวนนกตั้งแต่ปี 2525 ได้กล่าวถึงการปิดตัวของสวนนกจูร่งว่า “สวนนกแห่งนี้เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขา มันเป็นความรู้สึกที่หวานอมขมกลืนสำหรับพวกเรา”
“แม้ว่าพวกเรากำลังมองย้อนความทรงจำดีๆก่อนปิดสวนนกจูร่ง พวกเราก็มองหน้าไปยังอนาคตครั้งนี้ และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงของสวนนกในสิงคโปร์ เราหวังว่าชุมชนจะเดินทางร่วมกับเราในช่วงเดือนถัดจากนี้ และสร้างความทรงจำบทสุดท้ายที่คุ้มค่า ก่อนจะการเดินทางครั้งต่อไปจะเริ่มขึ้น”
หมอจาก ไต้หวัน ได้ทำการเปิดเผยเคสประหลาดที่เป็นการพบเจอ มือถือ ภายใน ช่องคลอด ของคนไข้รายหนึ่ง หลังจากที่เจ้าตัวมาตรวจร่างกาย และเอกซ์เรย์ เนื่องจากมีอาการปวดในบริเวณดังกล่าว (30 ส.ค. 2565) เค่อ ซื่อโหย่ว แพทย์ฉุกเฉินชาว ไต้หวัน ได้เล่าเรื่องเคสพิสดารในรายการ Hello Doctor โดยเรื่องราวในที่นี่ก็เป็นกรณีหนึ่งที่คนไข้ได้ตรวจพบวัตถุแปลกปลอมใน ช่องคลอด หลังจากที่มีอาการปวดในบริเวณที่ว่า ซึ่งก็พบว่าเป็น มือถือ ก่อนจะทำการนำออกมาในที่สุด
ซื่อโหย่ว ได้อธิบายว่ากรณีดังกล่าวนั้น เป็นเคสของหญิงสาววัย 22 ปี ที่ได้เข้ามาติดต่อกับทางห้องฉุกเฉิน หลังจากที่มีอาการเจ็บปวดในบริเวณส่วนล่างของร่างกาย หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กับแฟน โดยแพทย์ก็ได้ทำการตรวจร่างกาย และเมื่อทำการเอกซ์เรย์ก็พบว่าในช่องคลอดของเธอมีโทรศัพท์มือถืออยู่ภายใน ซึ่งก็ได้มีการส่งเรื่องต่อไปยังสูตินรีแพทย์ให้นำเอาออกมา
โดยการดำเนินการก็ผ่านไปได้ด้วยดี และมือถือเครื่องดังกล่าวก็ออกมาในที่สุด ที่พยาบาลก็ได้นำเอาไปทำความสะอาด ก่อนที่จะส่งขึ้นให้คนไข้ในที่สุด
เป็นที่ฮือฮาก็ว่าได้กับการที่ สาวอังกฤษ ได้ทำการเต้นแบบสุดเหวี่ยง Photo Boom ในขณะการรายงานสด เต้นเพลินเกินไปจนอกโผล่ ณ งานคาร์นิวัล แคริบเบียน (30 ส.ค. 2565) เต้นมันส์เกินจนผ้าร่วงเล็กน้อยก็ว่าได้กับการ Photo Boom ในขณะการรายงานสด ณ งานคาร์นิวัล แคริบเบียน ของ สาวอังกฤษ กลุ่มหนึ่งที่มีการเต้นแบบสุดเหวี่ยง แต่ก็มากเกินจนเสื้อผ้าหลุดออกเล็กน้อย แต่ก็โชว์อกของเธอได้
หญิงชรา จีน แต่งชุดสไตล์ ‘โลลิต้า’ ได้รับขนานนามว่า เจ้าหญิงน้อยแห่งถนนอันฟู่
หญิงชรา จากประเทศ จีน รายหนึ่ง ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จากการแต่งกายสไตล์ โลลิต้า จนได้รับขนานนามว่า เจ้าหญิงน้อยแห่งถนนอันฟู่ โดยเรื่องราวเบื้องหลังของเธอนั้นก็ถือว่ามีความน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
(30 ส.ค. 2565) ได้มีการเผยแพร่ของเรื่องราว และรูปภาพของ หญิงชรา รายหนึ่ง จากประเทศ จีน ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่งจากการแต่งกายในสไตล์ โลลิต้า (Lolita) ของเธอ ที่ก็ทำให้เธอได้รับขนานนามว่า “เจ้าหญิงน้อยแห่งถนนอันฟู่” เนื่องจากผู้คนมักจะพบเจอเธอที่บริเวณถนนอันฟู่ นครเซี่ยงไฮ้
โดยผู้คนนั้นต่างก็มีความเห็นต่าง ๆ มากมายต่อเธอ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายที่ดูเกินวัย, เธอมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต และอื่น ๆ นั้น แต่สิ่งที่หลายคนมีร่วมกันคือความสนใจต่อความมั่นใจในการแต่งกายในสไตล์ดังกล่าว ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อย่างไรก็ตาม
ทางสำนักข่าวแห่งหนึ่งในประเทศจีนได้ติดตามเรื่องราวดังกล่าว และรายงานไว้ว่า หญิงคนดังกล่าว ที่ขอไม่เปิดเผยชื่อนั้น มีอายุ 50 ปี และเผชิญกับปัญหาสุขภาพร้ายแรง โดยได้รับการรักษามาเป็นระยะเวลาหลายปี ที่ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเธอ ไม่ว่าจะเป็นผมร่วง, ร่างกายมีการบวมท้วมขึ้น, มีริ้วรอยลึกขึ้นบนใบหน้า ทำให้รูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไปจนจำตัวเองไม่ได้
แต่เธอก็ไม่หมกมุ่นกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยเธอยังคงจำความต้องการในสมัยเยาว์วัยได้ที่ก็คือความหลงใหลในการแต่งกายสไตล์โลลิต้า แต่เนื่องจากเธอไม่สามารถหาชุดในขนาดของได้ทำให้เธอไม่เคยได้ใส่มัน ด้วยความต้องการที่ว่าทำให้เธอได้สั่งตัดชุดสไตล์ดังกล่าว และสวมใส่ออกไปเดินตามถนนที่เธอได้นามมา ซึ่งชุดที่เธอใส่นั้นก็ไม่มีการซ้ำกันเลย ด้วยความมั่นใจของเธอนั้น ทำให้เธอเริ่มได้รับความสนใจ และชื่นชมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนการแต่งกายของเธอนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ และมองว่าเป็นเรื่องดีไปในที่สุด
มาตรา 14 (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แนะนำ : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง